ลูกบ่นปวดท้อง: สัญญาณอันตรายที่พ่อแม่ต้องรู้ และวิธีดูแลเบื้องต้น

อัพเดทล่าสุดวันที่ 22 ตุลาคม 2567
ลูกบ่นปวดท้อง: สัญญาณอันตรายที่พ่อแม่ต้องรู้ และวิธีดูแลเบื้องต้น

คุณเคยเจอสถานการณ์แบบนี้ไหม? ตี 2 ลูกมาปลุกบอกว่าปวดท้อง หรือเช้าวันจันทร์ที่ต้องรีบไปทำงาน ลูกดันบ่นปวดท้องพอดี ทั้งที่เมื่อคืนยังกินข้าวได้ปกติ... สถานการณ์เหล่านี้สร้างความกังวลให้พ่อแม่ที่ต้องตัดสินใจว่าควรทำอย่างไรดี โดยเฉพาะในช่วงที่เราต้องเร่งรีบไปทำงาน หรือกำลังพักผ่อนหลังจากเหนื่อยมาทั้งวัน

จากข้อมูลทางการแพทย์พบว่า 70% ของอาการปวดท้องในเด็กมักเกิดจากสาเหตุที่ไม่รุนแรงและสามารถดูแลได้ที่บ้าน แต่พ่อแม่ควรรู้จักสังเกตสัญญาณอันตรายที่ต้องพาไปพบแพทย์ บทความนี้จะช่วยให้คุณพ่อคุณแม่เข้าใจถึงสาเหตุของอาการปวดท้องในเด็ก สัญญาณอันตรายที่ต้องระวัง และวิธีดูแลเบื้องต้นที่บ้าน เพื่อให้เราสามารถรับมือกับสถานการณ์นี้ได้อย่างมั่นใจ

สาเหตุของอาการปวดท้องในเด็ก

อาการปวดท้องในเด็กมีหลายรูปแบบ แต่ละแบบบ่งบอกถึงสาเหตุที่แตกต่างกัน:

  1. ท้องผูก

    • กดเจ็บท้องส่วนล่าง

    • อาจคลำพบก้อนอุจจาระบริเวณท้องน้อยด้านซ้าย

    • มักพบในเด็กที่ทานผักผลไม้น้อย หรือดื่มน้ำไม่เพียงพอ

  2. ท้องเสีย

    • มีอาการถ่ายเหลว

    • อาจมีไข้ร่วมด้วย

    • มักเกิดจากการรับประทานอาหารไม่สะอาด

  3. โรคกระเพาะ

    • มีอาการเมื่อใกล้เวลาอาหาร

    • อาจมีอาการแสบท้อง

    • พบในเด็กที่รับประทานอาหารไม่เป็นเวลา

  4. อาการท้องอืด

    • มีลมในช่องท้องมาก

    • มีอาการจุกเสียด

    • มักเกิดจากการทานอาหารที่ย่อยยาก

  5. ความเครียด

    • พบในเด็กอายุ 5-13 ปี

    • มักมีปัญหาจากทางบ้านหรือโรงเรียน

    • อาการมักเป็นๆ หายๆ

สัญญาณอันตรายที่ต้องพาไปพบแพทย์ทันที

สัญญาณที่บ่งบอกว่าต้องพบแพทย์โดยด่วน โดยเฉพาะอาการที่อาจเป็น ไส้ติ่งอักเสบ (พบในเด็กอายุมากกว่า 2 ปี):

  • ปวดท้องรุนแรงบริเวณท้องน้อยด้านขวา

  • มีไข้สูงร่วมด้วย

  • อาเจียนต่อเนื่อง

  • กดเจ็บบริเวณท้องน้อยด้านขวา

  • ท้องแข็ง กดเจ็บทั่วท้อง

  • มีอาการซึม เบื่ออาหาร

เด็กหญิงชี้ที่ท้องของตัวเองขณะนั่งอยู่บนเตียงตรวจในห้องหมอ แสดงสีหน้าไม่สบาย

วิธีดูแลเบื้องต้นที่บ้าน

การปฐมพยาบาลเบื้องต้น แบ่งตามระดับอาการปวด:

1. อาการปวดเล็กน้อย-ปานกลาง

  • ปวดท้อง จุกเสียด แน่นท้อง ท้องอืด:

    • ยาแก้ท้องอืด เช่น Air-x

    • ประคบอุ่นบริเวณที่ปวด

    • ใช้ยาธาตุน้ำแดง (สำหรับเด็กอายุระหว่าง 6-12 ปี**)**

    • มหาหิงค์ สามารถใช้กับทารกแรกเกิดได้ โดยทายาตามบริเวณหน้าท้อง

  • ท้องเสีย ร่วมกับปวดท้อง:

    • ให้ดื่มน้ำเกลือแร่

    • ใช้ยาธาตุน้ำขาว (สำหรับเด็กอายุระหว่าง 6-12 ปี**)**

  • ปวดแสบยอดอก จุกเสียด:

2. อาการรุนแรง

  • ห้ามใช้ยาแก้ปวดเด็ดขาด

  • รีบพาไปพบแพทย์ทันที

คุณตากำลังสอนแม่วัยทำงานวิธีประคบอุ่นบรรเทาอาการปวดท้องให้กับหลาน ในห้องครัวที่มีแสงอ่อนๆ ส่องผ่านหน้าต่าง

การป้องกันในระยะยาว

การป้องกันไม่ให้เกิดอาการปวดท้องบ่อยๆ สามารถทำได้โดย:

  • จัดตารางมื้ออาหารให้เป็นเวลา

  • เน้นอาหารที่มีประโยชน์และย่อยง่าย

  • ให้ดื่มน้ำสะอาดอย่างเพียงพอ

  • ส่งเสริมการออกกำลังกายสม่ำเสมอ

  • สร้างสภาพแวดล้อมที่ผ่อนคลาย ลดความเครียด

  • ดูแลสุขอนามัยส่วนตัวและความสะอาดของอาหาร

สรุป

การดูแลเมื่อลูกปวดท้องอาจดูเป็นเรื่องท้าทายสำหรับพ่อแม่ที่มีภาระงาน แต่ด้วยความเข้าใจที่ถูกต้องและการเตรียมพร้อม เราก็สามารถดูแลลูกได้อย่างมั่นใจ สิ่งสำคัญคือการสังเกตอาการอย่างละเอียด และรู้ว่าเมื่อไหร่ควรดูแลที่บ้าน เมื่อไหร่ควรพาไปพบแพทย์ ลองเริ่มจากการทำตารางมื้ออาหารสำหรับลูกในสัปดาห์นี้ และสังเกตว่าช่วงเวลาไหนที่ลูกมักมีอาการปวดท้อง มาแชร์ประสบการณ์ของคุณในคอมเมนต์ด้านล่าง หรือหากต้องการความช่วยเหลือในการพาลูกไปพบแพทย์ สามารถติดต่อ พาไป แพลตฟอร์ม ได้ตลอด 24 ชั่วโมง

บทความที่เกี่ยวข้อง